วันจันทร์ที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

พระพิฆเนศวร์ - พระคเนศวร์


พระพิฆเนศวร์ หรือ พระคเนศวร์ ผู้เป็นเทพแห่งความสำเร็จ และเป็นเทพแห่งการขจัดอุปสรรคทั้งมวล ทรงเป็นเทพที่มีความสำคัญ ได้รับการเคารพบูชาอย่างแพร่หลาย ในหมู่คนทุกเชื้อชาติ ศาสนา ทุกสาขาอาชีพ ทั้ง ในพิธีทางศาสนาพุทธ และ ศาสนาพราหมณ์ ทั้งชนชั้นปกครอง พ่อค้า ข้าราชการ นักแสดง หรือแม้แต่ในดินแดนล้านนา ก็ยังมีการประดิษฐานรูปบูชาขององค์พระพิฆเนศวร์ ไว้หน้าประตูทางเข้าวัดวาอาราม ปะรำพิธีต่าง ๆ โดยนัยยะแห่งการประสิทธิ์ประสาทความสำเร็จ ขจัดซึ่งอุปสรรคขัดข้องในการประกอบกิจการงาน และ พิธีกรรมทางศาสนา ด้วยเคารพในปัญญาความเฉลียวฉลาด ความกล้าหาญ ความกตัญญู ความสามารถ ฤทธานุภาพของพระองค์ และความสามารถทางศิลปวิทยาการ ไปจนถึงความอ่อนน้อมถ่อมตัว และเมตตาธรรม กุศโลบายในการกำราบศัตรูแล้ว ก็ทรงอภัยและให้โอกาศในการกลับตัว และตั้งให้เป็นเทพบริวารของท่าน ไม่ใช้วิธีการกำจัดหรือฆ่าล้างผลาญศัตรูให้ถึงแก่ชีวิต คุณธรรมในตัวของท่านที่แสดงออกเหล่านี้ จึงได้ทำให้พระคเนศวร์ได้รับการเคารพนับถืออย่างกว้างขวาง ในอินเดีย จีน และหลายประเทศในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ แม้แต่องค์พระศิวะมหาเทพผู้สร้างและพระบิดาแห่งองค์พระพิฆเนศวร์ยังกล่าวว่า ไม่ว่าจะกระทำการสิ่งใดหรือทำพิธีบูชาใด ให้ทำการบูชาพระพิฆเนศวร์ ก่อนกระทำการทั้งปวง “ผู้ใด ต้องการความสำเร็จ ให้บูชาพระพิฆเนศวร์” “ผู้ใด ต้องการพ้นจากความขัดข้องทั้งปวง ให้บูชาพระพิฆเนศวร์

พระคเนศวร์ในฐานะผู้ลิขิตมหากาพย์มหาภารตยุทธ - มีตำนานที่กล่าวถึงสติปัญญาและไหวพริบของพระคเณศวร์ไว้หลายตอน เช่นเมื่อครั้งหนึ่ง มหาฤาษีวยาสะมีความต้องการที่จะเขียนมหากาพย์ภารตะ แต่เกรงว่าตนจะทำเองไม่สำเร็จ จึงไหว้วานให้ผู้อื่นช่วย แต่ไม่มีใครกล้าอาสาที่จะรับงานชิ้นนี้ ฤาษีนารอดเห็นว่าพระพิฆเณศวร์องค์เดียวเท่านั้นที่จะเขียนมหากาพย์ชิ้นนี้ได้ ในที่สุดฤาษีวยาสะจึงต้องทูลขอความช่วยเหลือจากพระคเณศวร์ พระคเณศวร์บอกว่า จะเขียนตามที่ฤาษีบอก แต่ทันทีที่ฤาษีหยุดบอกจะหยุดเขียนทันที ฝ่ายฤาษีบอกว่า สิ่งที่พูดออกไปจากปากของเรา ท่านต้องตีความให้ถ่องแท้ก่อนที่จะลงมือเขียน ฉะนั้นเมื่อฤาษีต้องการใช้ความคิดสำหรับโศลกต่อไปก็จะบอกศัพท์ยาก ๆ เพื่อให้พระคเณศวร์ตีความเสียก่อนเพื่อเป็นการประวิงเวลา พระพิฆเณศวร์จึงได้รับการยกย่องว่าเป็นยอดอัจฉริยะในฐานะที่เป็นผู้ลิขิต มหากาพย์มหาภารตะ ซึ่งถือว่าเป็นคัมภีร์มหากาพย์สุดยอดของฮินดู อย่างไรก็ตาม เรื่องมหากาพย์มหาภารตยุทธ์นี้ แน่นอน คงไม่มีใครเชื่อว่ามาจากฝีมือพระพิฆเณศวร์แน่ แต่นั่นเป็นภูมิปัญญาของปราชญ์โบราณที่ต้องการจะบอกกับคนในยุคสมัยต่อไปว่า การบูชาครูเพื่อขอดวงปัญญาในการทำงานให้ลุล่วงนั้น เป็นสิ่งสำคัญในลำดับแรก

พาหนะของพระคเนศวร์ หนูกับช้างเป็นสัญลักษณ์ของการพึ่งพาและปรองดอง ในขณะเดียวกันก็แสดงให้เห็นถึงอำนาจ และความมีชัยของฝ่ายที่อยู่เหนือกว่า ในทางมนุษยวิทยาแล้ว มีผู้วิเคราะห์ไว้ว่าหนูกับช้าง เป็นสัญลักษณ์ของชนเผ่าสองกลุ่ม เผ่าที่มีชัยเหนือกว่าอาจจะเป็นชนกลุ่มที่นับถือช้างอยู่แต่เดิม จึงได้สร้างและยึดเอาประเพณีการนับถือช้างเป็นเทพเจ้า มาเป็นตัวแทนกลุ่ม หรืออีกอย่างที่เป็นไปได้คือ คนสมัยดั้งเดิมนั้นประกอบอาชีพทางด้านกสิกรรม และแน่นอน หนูย่อมเป็นศัตรูอันร้ายกาจของไร่นา ภาพที่แสดงออกในรูปของช้างและงูที่เป็นสังวาลนั้น ได้แสดงให้เห็นถึงการเป็นผู้ทำลายหนูอันเป็นศัตรูสำคัญของผลิตผลทางการเกษตรอย่างชัดเจน ทั้งการนำหนูมาเป็นบริวารนั้น เนื่องจากหนูขยายพันธุ์ได้อย่างรวดเร็ว หนูได้ชื่อว่าเป็นสัตว์ที่มีความฉลาดและกัดทุกอย่างให้ขาดได้ ดังนั้นจึงเป็นความเหมาะสมสำหรับการเป็นพาหนะของเทพเจ้าแห่งปัญญา อันมีคุณสมบัติในการขจัดซึ่งอุปสรรค

วันคเณศจตุรถี การบูชาพระพิฆเณศวร์เรียกว่า “พิธีคเณศจตุรถี” มีความหมายว่า “พิธีอุทิศต่อพระคเณศวร์” จะกระทำวันขึ้น ๔ ค่ำ เดือน ภัทรบท หรือเดือน ๑๐ ในวันที่ประกอบพิธีคเณศจตุรถีนั้น ประชาชนทั้งหลายจะพากันมาทำสักการะบูชา รูปเคารพของพระคเณศที่ปั้นด้วยดิน (เผา ) เครื่องบูชาจะประกอบไปด้วยดอกไม้ (โดยเฉพาะดอกไม้สีสดใส เช่น สีแดง, สีเหลือง, สีแสด) ขนมต้ม, มะพร้าวอ่อน, กล้วย, อ้อย, นมเปรี้ยว,(แบบแขก) ขณะทำการบูชา ผู้บูชาจะท่องพระนาม ๑๐๘ ของพระองค์ หลังจากการบูชาแล้วก็จะเชิญพวกพราหมณ์ ผู้ประกอบพิธีมาเลี้ยงดูกันให้อิ่มหนำสำราญ

พระคเณศวร์ทรงเป็นสัญลักษณ์แห่งความรู้และปัญญายิ่งใหญ่ แต่ละส่วนของท่านให้ความหมายในเชิงปรัชญาได้ดังนี้ ๑.พระเศียร - ทรงใช้เศียรอันใหญ่ที่เต็มด้วยปัญญาความรู้ เป็นที่รวมแห่งปัญญาทั้งหมด ๒.พระกรรณ - ทรงใช้รับฟังคำสวดจากพระคัมภีร์และความรู้ในรูปอย่างอื่น ๆอันเป็นสิ่งแรกแห่งการศึกษา
๓. งวง - เราได้นำเอาความรู้ต่าง ๆที่ได้รับจากการเลือกเฟ้นระหว่างทวิลักษณะ ความผิด-ถูก ความดี-ความชั่ว อันมีงวงช้างที่ยาวและใหญ่ใช้ชั่งน้ำหนักต่อการกระทำหรือการค้นหาสิ่งที่ดีงามต่างๆ อันปัญญานั้นเกิดขึ้นเพื่อช่วยในการแก้ปัญหาของชีวิตให้หลุดพ้นจากอุปสรรค และพบกับความสำเร็จสมดั่งความมุ่งหมาย
๔.งา - งาข้างเดียวโดยอีกข้างหักนั้น เพื่อแสดงให้รู้ว่าจะต้องอยู่ในเหตุระหว่างความดี-ความชั่ว ซึ่งต้องทำความเข้าใจให้ดีถึงความแตกต่างกัน ดั่งเช่น ความเย็น-ความร้อน การเคารพ-การดูหมิ่นเหยียดหยาม ความซื่อสัตย์-ความคดโกง
๕.หนู - แสดงถึงความปรารถนาของมนุษย์ ,บ่วงบาศ - ทรงถือโดยทรงลากจูงคนทั้งหลายให้เดินตามรอยพระบาทของพระองค์
๖.ขวาน - เป็นอาวุธทรงใช้ปกป้องความชั่วร้ายและคอยขับไล่อุปสรรคทั้งหลายที่มาก่อกวนต่อบริวารของพระองค์
๗.ขนมโมทกะ - ข้าวสุกผสมน้ำตาลปั้นเป็นลูก เพื่อประทานให้เราเป็นรางวัลต่อการที่เราปฏิบัติตามรอยพระบาทของพระองค์
๘.ท่าประทานพร - หมายถึงการประทานความยิ่งใหญ่แห่งความผาสุกและความสำเร็จให้กับสาวกของพระองค์

คาถาบูชาพระคเนศวร์ : สิ่งสำคัญที่ลืมไม่ได้ก็คือ ผู้ที่จะสวดมนต์บูชาพระคเณศวร์ควรจะต้องทำปรันยัน(อาบน้ำชำระร่างกายหรือล้างมือล้างเท้า) ก่อนที่จะเริ่มสวดมนต์ โดยจะต้องทำปรันยันสามหนหรือมากกว่าก่อนที่จะสวด ต้องสวดมนต์อย่างน้อยให้ได้หนึ่งรอบของลูกประคำ (108ครั้ง) และจะต้องกำหนดชั่วโมงและสถานที่เพื่อการท่องสวดมนตร์ที่จะต้องทำติดต่อกันเป็นประจำ โดยต้องตั้งจิตให้แน่วแน่ประกอบสมาธิ อันจะนำมาซึ่งความศักดิ์สิทธิ์และพลังแห่งอำนาจ
ข้อเตือนก็คือ ผู้บูชาจะต้องมีร่างกายที่แข็งแรงไม่เจ็บไข้ ในเวลาสวดมนตร์ และจะไม่กระทำเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง
๑.โอมฺ คัม คณะปัตเย นะมะหะ : มนตร์นี้ได้มาจากพระคัมภีร์ คเณศวร์ อุปนิษัท ทุกๆครั้งจะต้องเริ่มต้นการสวดมนตร์นี้ก่อนออกเดินทาง หรือในการเริ่มต้นบทเรียนใหม่ หรือก่อนเริ่มต้นการทำสัญญาธุรกิจใหม่ ก็เพื่อขจัดอุปสรรคที่จะเกิดขึ้น อันจะนำมาซึ่งความสำเร็จสมประสงค์
๒.โอมฺ นโม ภัควเต คชานนายะ นะมะหะ : มนตร์นี้เป็นมนตร์แห่งการกราบไหว้บูชา ที่พระคเณศวร์ทรงโปรดมาก
๓.โอมฺ ศรี คเณศายะ นะมะหะ : มนตร์นี้ส่วนมากจะต้องสั่งสอนให้เด็กๆท่องสวดเพื่ปัญญา ความเฉลียวฉลาดที่จะได้รับ เพิ่มพลังการจดจำและ ให้ผลสำเร็จในการสอบ การเล่าเรียน เช่นเดียวกันคนทั่ว ๆไปอาจใช้มนต์นี้ได้ เพื่อความสำเร็จและความเจริญก้าวหน้าในธุรกิจ
๔.โอมฺ วักรตุนทายะ ฮัม : เป็นมนตร์ที่มีอำนาจมากตามที่พรรณนาไว้ใน พระคเณศ ปุราณะ , เมื่อใดเกิดเหตุขัดข้อง ไม่สามารถดำเนินต่อไปได้แล้ว หรือเกิดเหตุร้ายขึ้น ควรทำสมาธิรำลึกถึงพระคเณศวร์ด้วยการสวดมนตร์นี้ตลอดเวลา
๕.โอมฺ กษิปหะ ปรัสทายะ นะมะหะ : คำว่ากษิประ หมายความถึงความรวดเร็ว ถ้าหากว่าเกิดอุบัติเหตุ หรือเกิดบางสิ่งบางอย่างกับตัวท่าน หรือบางอย่างเกี่ยวกับธุรกิจการงานที่ไม่รู้จะแก้ไขอย่างไรแล้ว ควรจะตั้งจิตมั่นบูชาพระคเณศวร์ด้วยการสวดมนตร์นี้โดยเร็ว เพื่อที่จะได้รับพรให้หลุดพ้นจากเรื่องร้ายหรือภัยที่ร้ายแรงได้
๖.โฮมฺ ศรีม ฮรีม กลีม คลัม คัม คณะปัตเย วร วรัท สรวะ ชันมัย วศัมนายะ สวาหา : ในมนตร์บทนี้มีพืชมนตร์อยู่มากมาย (พืช-เมล็ด) อันความหมายอย่างอื่นคือ "แสดงถึงการให้พรแห่งความสุขสำหรับตัวท่าน ข้าพเจ้าขอทูลถวายตัวเองเป็นทาสรับใช้พระคเณศวร์"
๗.โอมฺ สุมุขายะ นะมะหะ : มนตร์บทนี้หมายความว่า ท่านจะต้องมีจิตใจที่งาม มีวิญญาณอันบริสุทธิ์ ในความเป็นจริงในทุก ๆสิ่ง ด้วยการบูชาด้วยมนตร์นี้ ขอให้บังเกิดสิ่งที่ดีงามและของสวยงามมาสู่ยังตัวท่าน พร้อมด้วยความสุขสันติซึ่งมั่นคงติดแน่นในดวงตาของท่านไปนานแสนนาน และคำพูดทุกถ้อยคำซึ่งท่านได้พูดออกมา ขอให้เต็มไปด้วยพลังแห่งความรัก และเมตตา
๘.โอมฺ เอกทันตายะ นะมะหะเอกทันตะ : หมายถึงพระผู้ทรงมีงาเพียงข้างเดียวแห่งเศียรเป็นช้าง ซึ่งหมายความว่า พระองค์ทรงแบ่งแยกความดีและความชั่วออกเป็นสองฝ่ายและนำท่านไปสู่ความดี และเป็นที่โปรดปรานของพระองค์ตลอดกาล ใครก็ตามที่มีจิตใจเป็นหนึ่งแน่วแน่ต่อการกราบไหว้บูชาแล้ว จะได้ผลบุญตามที่ตนเองที่ปรารถนาอยากได้
๙.โอมฺ กปิลายะ นะมะหะกปิล : หมายถึงว่าท่านสามารถที่จะแต่งเติมแต้มสีสันแห่งอายุรเวท ท่านสามารถสร้างสีสันรอบๆตัวท่านเอง และรอบผู้อื่นได้ด้วยมนตร์นี้ จงอาบน้ำชำระสิ่งทั้งหลาย และตบแต่งมันให้สวยงาม และเยียวยาให้ดีขึ้นได้ เพราะว่ามีอำนาจในมนตร์นี้ เมื่อใดที่ท่านต้องการ โดยเฉพาะอย่างในการรักษาผู้อื่นจะเป็นผลได้ในทันที
๑๐.โอมฺ สัมโพธรายะ นะมะหะ : หมายความว่าโลกทั้งหมดอยู่ในพระองค์ด้วยคำว่า "โอม"
๑๑.โอมฺ วิกตายะ นะมะหะ : หมายความว่าในความเป็นจริงของโลกใบนี้เหมือนความฝันหรือเป็นการเล่นละครเท่านั้น เมื่อมีความเข้าใจดีทุกอย่างว่า โลกทั้งหมดนี้ดูเหมือนความฝันโดยมีพวกเราทั้งหมดเป็นตัวแสดง โดยที่เราแสดงบทเป็นลูก เป็นพ่อ เป็นแม่ ในความฝันนี้เราอาจถูกงูเห่ากัดตาย แต่เมื่อตื่นขึ้นมาไม่เป็นอะไรเลย ชีวิตคือการแสดง ดังนั้นทุกสิ่งทุกอย่างเราพิจารณาเหมือนหนึ่งการเล่นละคร มนตร์นี้จะทำให้ผู้สวดเข้าใจดีถึงเรื่องราวทั้งหมด
๑๒.โอมฺ วิฆณะ นัษนายะ นะมะหะ : ในความเป็นจริงของทั้งหมด พระเจ้าทรงขจัดสิ่งกีดขวางหรืออุปสรรคทั้งหลายให้หมดสิ้นไปจากชีวิตเรา ด้วยความรู้แห่งมนตร์นี้อุปสรรคทั้งหมด และพลังอำนาจแห่งเครื่องกีดขวางทางทั้งหลาย ก็จะถูกทำลายลงไปได้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น